สำหรับครอบครัวคุณที่กำลังจะมีทารกตัวน้อย การเตรียมสิ่งของใช้เด็กอ่อน หรือเด็กทารก คงจะเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง เนื่องด้วยรายละเอียดของใช้เด็กอ่อน แต่ละอย่างที่เราไม่เคยได้มีประสบการณ์ใช้งานมาก่อนเลย เช่น เป้อุ้มเด็ก, เตียงสำหรับเด็ก, เครื่องปั๊มนม, เครื่องนึ่งขวดนม, คาร์ซีท, รถเข็นเด็ก, ที่นอนทารกแบบพกพา ซึ่งของเหล่านี้ที่ได้ยกตัวอย่างมา แต่ละรายการล้วนแต่มีราคาค่าตัวไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะคะ ฉนั้นถ้าหากจะซื้อของสักชิ้น คุณพ่อ คุณแม่ ควรจะต้องพิจารณาเป็นอย่างดีว่าเหมาะแก่การใช้งานในบ้านของเราหรือไม่ ถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ซื้อของมาแล้วแต่ก็ไม่ได้ใช้ก็เป็นได้ค่ะ
ในตอนนี้ เราจึงมีความรู้ใหม่ๆ มาเอาใจคุณพ่อคุณแม่ยุค 2022 ยุคโควิดที่ต้องระวังตัวเป็นอย่างมากมาฝากค่ะ โดย Trexthai จะมากล่าวถึงหนึ่งในอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่เราจะต้องเตรียมหามาไว้ก่อนที่คุณแม่จะถึงเวลาคลอด นั่นก็คือ 'ที่นอนเด็ก' เพราะการที่นำ ทารกตัวน้อยมานอนเตียงเดียวกันกับผู้ใหญ่ หรือใช้เตียงที่ไม่มีความเหมาะสม อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุอย่างคาดไม่ถึงเลยค่ะ เช่น การนอนทับตัวเด็ก, นอนตกเตียง หรือจะมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอื่นๆได้ เพราะฉะนั้น การจะเลือกซื้อ เตียงเด็กโดยเฉพาะจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเวลาคลอดลูก ในปี 2022 ที่นอนเด็กมีมากมายหลายรูปแบบ และยังมีลูกเล่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป เช่น เตียงนอนเด็กพับเก็บได้ประหยัดเนื้อที่ ที่นอนเด็กมีล้อ ที่นอนเด็กแบบไกวเปลได้ เป็นต้น วันนี้เราจึงได้นำเสนอวิธีการเลือกเตียงนอนเด็กที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานมาฝากเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อเตียงนอนเด็กที่คุณภาพดีที่สุดค่ะ
วิธีการเลือกที่นอนเด็ก
อันดับแรกเลย ให้เรามาดูกันก่อนค่ะว่าที่นอนเด็กที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยและเหมาะสมกับการใช้งานปี2022 จะต้องดูที่อะไรและต้องสังเกตุลักษณะอย่างไรบ้าง
1. ดูและตรวจเครื่องหมาย มอก.
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เป็นการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งพวกเราจะเห็นได้ตามสินค้าของเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า, สิ่งทอ, ยานพาหนะและอื่นๆ ไม่เพียงแต่แค่สินค้าที่ผลิตในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ที่ผู้นำเข้าสินค้าก็ต้องขอ มอก. เช่นกัน เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นว่าสินค้านั้นๆ ได้รับการผลิตที่มีมาตรฐานและปลอดภัยต่อผู้บริโภคค่ะ
โดยปกติทั่วไป ที่นอนของเด็กจะมีขนาดปกติอยู่ที่ประมาณ 120 x 70 cm. และขนาดเล็กที่สุดจะอยู่ที่ 90 x 60 cm. ซึ่งขนาดที่เหมาะสมของแต่ละบ้านก็อาจจะแตกต่างกันออกไป เพราะฉนั้นคุณจะต้องพิจารณาบริเวณของสถานที่ที่จะนำไปตั้งวางก่อนการเลือกซื้อค่ะ นอกจากนี้แล้ว ยังต้องมองถึงขนาดตัวของเด็กด้วย เพราะโดยปกติแล้วที่นอนเด็กทุกขนาดจะออกแบบมาเพื่อให้ใช้ถึงตอนเด็กอายุ 2 ขวบ เท่านั้น! จึงทำให้ที่นอนเด็กมีขนาดที่ไม่กว้างมาก หากคุณเลือกที่นอนเด็กมีขนาดเล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้เด็กนอนไม่สบายและทำให้เกิดตะคริวได้ค่ะ
2. เลือกที่นอนเด็กที่สะดวกต่อการใช้งาน

นอกจากจะต้องมองถึงความสบายในการนอนของตัวเด็กแล้ว การเลือกที่นอนเด็กที่ดียังต้องมีลักษณะที่คุณพ่อคุณแม่ใช้งานได้สะดวกด้วยค่ะ เนื่องจากที่นอนเด็กในยุคนี้ มีฟังก์ชั่นให้คุณพ่อคุณแม่เลือกมากมาย รายละเอียดอยู่ที่ด้านล่างนี้แล้วว่ามีแบบไหนบ้าง
3. ที่นอนเด็กแบบมีล้อ สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก

การใช้ที่นอนเด็กแบบที่มีล้อ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เคลื่อนย้ายที่นอนเด็กน้อยบริเวณที่ตั้งได้สะดวกและใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา เพราะเด็กทารกมักจะนอนตอนกลางวันและอาจลุกขึ้นมางอแงได้ ซึ่งการใช้ที่นอนเด็กที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่ว่าคุณพ่อและคุณแม่จะอยู่ส่วนไหนในบ้าน ก็จะสามารถขยับที่นอนของลูกให้อยู่ในบริเวณสายตาเราได้ตลอดเวลา และเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกน้อยอีกด้วย
4. ที่นอนเด็กแบบเปิดได้หลายทิศทาง

ที่นอนเด็กมักจะมาพร้อมกับที่กั้นกันตกเตียงล้อมทั้ง 4 ด้าน เพื่อความปลอดภัยของเด็กทารก แต่หากที่นอนนั้นไม่สามารถเปิดที่กั้นได้ก็อาจจะทำให้การใช้งานยุ่งยากขึ้น จึงควรเลือกซื้อแบบที่ เปิด-ปิด หรือ ดึงขึ้น-ดึงลง ได้หลายด้าน เพื่อความสะดวกสบายต่อการใช้งาน เช่น สามารถเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กได้โดยไม่ต้องอุ้มเด็กทารกไปที่อื่น เคลื่อนย้ายตัวเด็กทารกได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องอุ้มผ่านรั้วลงไป นอกจากนี้แล้ว ยังช่วยให้เราเปลี่ยนผ้าปูที่นอน, จัดที่นอนเด็กและทำความสะอาดเตียงได้สะดวกขึ้นอีกด้วย
5. เลือกที่นอนเด็กที่ปรับระดับความสูง - ต่ำได้

โดยทั่วไปแล้ว ที่นอนเด็กจะมีรั้วหรือที่กั้นสูงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการพลัดตกลงมาจากเตียง เหมาะสำหรับการที่ต้องเคลื่อนย้ายตัวเด็ก และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กเป็นประจำ เพราะการที่คุณพ่อคุณแม่โน้มตัวผ่านรั้วสูงของเตียงเด็กบ่อยๆ อาจจะส่งผลเสียต่อหลังและเอวของผู้ปกครองได้ และถ้าหากเลือกเตียงเด็กที่มีรั้วเตี้ยเกินไป ก็อาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารก อาจมีความเสี่ยงที่เด็กจะปีนตกลงมาจากเตียงได้ เพราะฉนั้น เราจึงควรเลือกที่นอนเด็กที่สามารถปรับความสูงต่ำของรั้วหรือที่กั้นได้ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายค่ะ
6. เลือกที่นอนเด็กแบบที่สามารถปรับเป็นของใช้อย่างอื่นได้ด้วย

ทุกคนคงทราบกันดีว่า ของใช้สำหรับเด็กทารกมักจะมีราคาสูงมาก ที่นอนเด็กก็เช่นเดียวกัน แถมยังเป็นของใช้ที่นับว่ามีอายุการใช้งานที่สั้นมาก เพราะเมื่อเด็กโตขึ้นเราก็จะไม่ได้ใช้งานเตียงนอนเด็กอีกต่อไปเว้นแต่จะเก็บไว้ให้ลูกคนต่อไป หรือให้คนในครอบครัวที่กำลังมีเด็กน้อย ดังนั้น การเลือกที่นอนเด็กควรเลือกที่สามารถถอดชิ้นส่วนมาทำเป็นสิ่งของอย่างอื่นได้ เช่น เก้าอี้, กระเป๋า, โต้ะ หรือชั้นวางของ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้การใช้งานคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้แล้ว หากปรับเป็นคอกกั้นเด็ก ได้ก็จะช่วยให้เราประหยัดพื้นที่เล่นซนของเด็กๆ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยไม่ต้องซื้อ คอกกั้นเด็ก แยกเพิ่มอีกด้วยค่ะ
7. เลือกที่นอนเด็กประเภทที่พับได้เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ

สำหรับคนที่บ้านหรือห้องที่มีพื้นที่จำกัด การใช้ที่นอนเด็กขนาดใหญ่อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดคับแคบไปหมด ฉนั้น การเลือกเตียงนอนเด็กที่สามารถพับเก็บได้โดยไม่ต้องเสียเวลาถอดชิ้นส่วนออก จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเนื้อที่ใช้สอยเมื่อไม่ได้ใช้งาน และยังสะดวกต่อการจัดเก็บและประหยัดเนื้อที่ในจัดเก็บเตียงนอนเด็กอีกด้วย ที่สำคัญถ้าเราต้องการพกพาไปใช้นอกสถานที่ เช่น พาลูกน้อยไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายมากค่ะ